ในปัจจุบันนั้น คอนโดมิเนี่ยมถือเป็นอสังหาริมทรัพย์ประเภทหลักที่หลายๆ คนมองเห็นว่าน่าลงทุนที่สุดในปัจจุบัน แต่ก็มีหลายๆ คน ที่คิดว่าการลงทุนในคอนโดมิเนี่ยมให้ผลตอบแทนที่น้อย ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องจริงในบางส่วน แต่ในปัจจุบันนั้น การลงทุนในคอนโดมิเนี่ยมย่านสุขุมวิท ทองหล่อ หรือสาทรนั้น ถือเป็นการลงทุนที่จับต้องได้ เพราะผู้ที่ลงทุนจะได้สิทธิในที่ดินด้วย ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกัน หลายๆ คนอาจมองว่าการลงทุนในหุ้น ได้เพียงใบหุ้นที่อาจจะหมดมูลค่าในกรณีที่เจ้าของหุ้นบริษัทนั้นๆล้มละลาย การลงทุนในคอนโดมิเนี่ยมจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่หลายๆ คนให้ความสนใจ เราลองไปดูการลงทุนคอนโดมิเนี่ยมอย่างคุ้มค่าด้วยหลัก 5 ข้อหลัก กันเลย
ในความเป็นจริงนั้น การลงทุนในคอนโดมิเนี่ยมสามารถเป็นได้ทั้งการลงทุนหลักและเป็นการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงได้อีกด้วย มีการวิจัยหลายๆ ชิ้น ออกมาบอกว่า การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นั้นช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากพอร์ทการลงทุน ลดความผันผวนของผลตอบแทน และช่วยลดผลกระทบในทางลบจากอัตราเงินเฟ้อได้อย่างดีเยี่ยม เพื่อที่จะได้เข้าใจเกี่ยวกับการลงทุน เราลองมามองภาพการลงทุนกันว่า สามารถแบ่งออกเป็น 3 ช่วงใหญ่ๆ เราลองไปดูการลงทุนคอนโดมิเนี่ยมอย่างคุ้มค่าด้วยหลัก 5 ข้อหลัก ดังนี้
การลงทุนระยะสั้น: การลงทุนระยะสั้นนั้นถือเป็นการลงทุนในระยะเวลาที่ไม่เกิน 1 ปี ซึ่งนักลงทุนจะวางเงินของ และขายเพื่อทำกำไรก่อนการโอนกรรมสิทธิ์ เป็นการลงทุนที่นักลงทุนจะต้องหูตาไว และกล้าตัดสินใจ
การลงทุนระยะกลาง: ถัดมาคือการลงทุนระยะกลางซึ่งการลงทุนประเภทนี้นั้น ผู้ลงทุนต้องโอนกรรมสิทธิ์และขายทำกำไร เมื่อผลตอบแทนถึงเป้าที่วางไว้ โดยจะมีกรอบระยะเวลาตั้งแต่ 1 - 5 ปี
การลงทุนระยะยาว: การลงทุนระยะยาวนั้นผู้ลงทุนต้องมองหาโอกาสจากการทำกำไรในระยะยาว คือการเพิ่มมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ไปเรื่อยๆ โดยจะมีกรอบระยะเวลาตั้งแต่ 5 ปี ขึ้นไป
การลงทุนในคอนโดมิเนี่ยม ทั้งการซื้อมาขายใบจองเพื่อทำกำไร หรือซื้อคอนโดเก็บไว้ในระยะยาว เช่นการซื้อคอนโดแถวๆทองหล่อ หรือสุขุมวิท แล้วปล่อยให้เช่าในระยะยาวนั้น ก็ได้ผลตอบแทนที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นเราลองไปดูคำศัพธ์ทางเทคนิคและการลงทุนคอนโดมิเนี่ยมอย่างคุ้มค่าด้วยหลัก 5 ข้อหลัก กันเลยดีกว่า
1. กระแสเงินสด: กระแสเงินสดถือเป็นข้อหลักข้อแรกในการลงทุนคอนโดมิเนี่ยม ซึ่งไม่ว่าจะเป็นคอนโดย่านสุขุมวิท หรือทองหล่อ ก็สามารถแบ่งกระแสเงินสดออกได้เป็นสองข้อคือ ข้อแรก การนำคอนโดย่านสุขุมวิทไปปล่อยเช่า ทุกๆ เดือน ก็จะมีกระแสเงินสดที่มาจากค่าเช่า เพื่อนำไปจ่ายธนาคารในแต่ละเดือน หรือถ้าต้องการลงทุนโดยเก็บผลตอบแทนนั้นเอาไว้เอง กระแสเงินออกทุกๆ ปี ก็สามารถเทียบได้กับการจ่ายไปเพื่อการลงทุนระยะยาว
2. ทรัพย์สินมูลค่าเพิ่ม: ข้อมูลจากสถิติบอกว่า มูลค่าของอสังหาริมทรัพย์นั้นเพิ่มขึ้นประมาณ 2 - 3% ทุกปี และมูลค่าพื้นฐาน ของทั้งบ้าน คอนโดมิเนี่ยม และอพาร์ทเม้นต์นั้น อาจมีมูลค่าเพิ่มได้ถึง 10
3. การลดเงินต้นจากการชำระเงินกู้: การผ่อนชำระกู้ให้กับธนาคารในทุกๆ งวดนั้น หมายถึงเงินต้นและดอกเบี้ยเงินกู้ และการปล่อยเช่าคอนโดย่านสุขุมวิทนั้น จะส่งผลให้มีกระแสเงินสดเข้ามาเพื่อลดเงินต้นอีกด้วย
4. การลดหย่อนภาษีเงินได้: การลดหย่อนภาษีเงินได้สามารถเกิดขึ้นได้ หากคุณนำดอกเบี้ยที่ใช้ชำระคืนเงินกู้จากธนาคารมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคลธรรมดา ที่ต้องชำระทุกสิ้นปี โดยสามารถที่จะนำเงินส่วนนี้ไปลดหย่อนได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับฐานภาษีของแต่ละบุคคล และในกรณีที่ผู้ถือครองคอนโดเป็นรูปแบบบริษัทนั้น ยิ่งสามารถนำค่าใช้จ่ายไปลดหย่อนภาษีนิติบุคคลได้อีกด้วย
5. การต่อรองราคา: ผลตอบแทนจากการลงทุนในคอนโดมิเนี่ยมนั้น คือการต่อรองราคา กล่าวคือการได้ราคาที่ต่ำกว่าตลาดซื้อขาย ทำให้คุณสามารถทำกำไรจากคอนโดมิเนี่ยมที่ซื้อมาได้ และทำให้เกิดผลตอบแทนขึ้นได้ โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆจากตัวอสังหาริมทรัพย์ อาทิเช่น ทำเลที่ตั้ง, การออกแบบ, แบรนด์, และความสามารถในการขายของแต่ละตัวบุคคล
คงจะได้ทราบกันไปแล้วถึงการลงทุนคอนโดมิเนี่ยมอย่างคุ้มค่าด้วยหลัก 5 ข้อ หลักการเพิ่มมูลค่าจากการปรับปรุงอสังหาริมทรัพย์: คอนโดมิเนี่ยมนั้นมีข้อดีที่การลงทุนแบบอื่นไม่มี เช่นการเพิ่มมูลค่าของตัวทรัพย์สิน โดยการตกแต่งภายใน ปรับเลย์เอาท์ หรือการทาสีผนัง ซึ่งสิ่งเหล่านี้หากผ่านการศึกษาความต้องการของตลาด ก็จะสามารถเพิ่มมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างแน่นอน