ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนั้น ที่ดินว่างเปล่าในประเทศไทย ได้ถูกนำมาพัฒนาเป็นอสังหาริมทรัพย์สำหรับที่อยู่อาศัยเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นบ้านจัดสรร คอนโดมิเนี่ยม หรือทาวน์โฮม โดยในประเทศไทยนั้น จำเป็นที่จะต้องมีพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดินเพื่อควบคุมสิ่งเหล่านี้ และเพื่อจำกัดสิทธิของการจัดสรรที่ดินประเภทต่างๆ ตามประราชบัญญัติจัดสรรที่ดิน โดยมีหัวข้อเกี่ยวข้องกับผู้บริโภคที่น่าสนใจ เราลองไปดูผู้จัดสรรโครงการมักปกปิดผู้ซื้อจากสิ่งเหล่านี้กันเลย
สำหรับเรื่องของผู้จัดสรรโครงการมักปกปิดผู้ซื้อนั้น จากการประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 286 หรือ ปว. 286 นั้น ได้มีใจความว่า “สาธารณูปโภคซึ่งผู้จัดสรรที่ดินจัดให้มีขึ้นเพื่อการจัดสรรที่ดินตามแผนผังและโครงการที่ได้รับอนุญาต เช่น ถนน สวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น ให้ถือว่าตกอยู่ในภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินจัดสรร และให้เป็นหน้าที่ของผู้จัดสรรที่ดินหรือผู้รับโอนกรรมสิทธิ์คนต่อไป ที่จะบำรุงรักษากิจการดังกล่าวให้คงสภาพดังเช่นที่ได้จัดทำขึ้นโดยตลอดไป และจะกระทำการใดๆ อันเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภารจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวกมิได้” ซึ่งไม่นานต่อมาได้มีการแก้ไขตามการปรับปรุงตราพระราชบัญญัติ คือ พระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 ที่ออกมาเพื่อบังคับใช้ แทนดารประกาศของคณะปฏิวัติ โดยในเนื้อความยังคงกำหนดให้ สาธารณูปโภคที่ถูกจัดขึ้นในโครงการจัดสรรนั้นๆ จำเป็นที่จะต้องคงสภาพเดิมตลอดไป ตัวอย่างเช่น คำพิพากษาฎีกาที่ 4648/2555 และฎีกาที่ 5134/2560 นั่นเอง
คงจะได้ทราบกันไปแล้วถึงเรื่องที่ผู้จัดสรรโครงการมักปกปิดผู้ซื้อจากสิ่งเหล่านี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ปรากฎว่าผู้จัดสรรที่ดินส่วนใหญ่นั้น ไม่ว่าจะเป็นบ้านจัดสรร คอนโดมิเนี่ยม ก็มักที่จะโฆษณาจุดขายของตนว่า โครงการของต้นนั้นดีอย่างไร ซึ่งแตกต่างจากโครงการอื่นๆ ภายในย่านเดียวกัน เพราะถนนที่ผ่านที่ดินทุกแปลงย่อมมีสาธารณูปโภคที่อำนวยความสะดวก ตัวอย่างเช่น สนามกีฬา สนามเด็กเล่น อาคารสโมสร แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้จัดสรรที่ดินโครงการมักไม่แจ้งคือในส่วนของที่ดินโครงการนั้น เดิมทีมีความเป็นมาอย่างไร เคยเป็นที่ดินจัดสรรเก่ามาก่อนหรือไม่ ซึ่งจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบให้พบความจริงนั่นเอง
FB: @bannforsale